MOVIE REVIEW AND STORYLINE: THE THING (2011)

Movie Review and Storyline: The Thing (2011)

Movie Review and Storyline: The Thing (2011)

Blog Article

รีวิวหนัง The Thing (2011) แหวกมฤตยู อสูรใต้โลก


Movie Review and Storyline: The Thing (2011)

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง


ประเภทของภาพยนตร์ : สยองขวัญ / ลึกลับ / ไซไฟ


กำหนดฉายในประเทศไทย : 17 พฤศจิกายน 2554


ผู้กำกับ : แมทธิวส์ ฟาน ไฮนิงเงน จูเนียร์


นักแสดงนำโดย : แมรี่เอลิซาเบธวินสเตด ,โจเอล เอดเจอร์ตัน , อาเดวาเล่ อากินนูเย-อากบาเย ,อุลริช ทอมเซ่น , เอริค คริสเตียน โอลเซ่น ทรอนด์ เอสเพน เซม


 

เรื่องย่อ : 


เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของปี 1982 ทีมงานของสถานีวิจัยนอร์เวย์ "Thule" ค้นพบยานอวกาศและร่างของมนุษย์ต่างดาวที่ถูกฝังอยู่ในน้ำแข็งแอนตาร์กติกา การค้นพบนี้นำโดย ดร. แซนเดอร์ ฮาลวอร์สัน พร้อมผู้ช่วย อดัม ฟินช์ ทั้งสองได้เชิญ เคต ลอยด์ นักบรรพชีวินวิทยาชาวอเมริกัน มาร่วมตรวจสอบความลึกลับดังกล่าว พร้อมด้วยทีมนักบิน แซม คาร์เตอร์, เดเร็ค เจมสัน, และลูกเรือ กริกก์ส พวกเขามุ่งหน้าไปยังสถานี Thule ซึ่งมี เอ็ดเวิร์ด วอลเนอร์ หัวหน้าสถานี และทีมงานของเขา ได้แก่ จูเลียต, คาร์ล, โจนัส, โอลาฟ, เฮนริก, โคลิน, พีเดอร์, ลาร์ส และสุนัขของลาร์ส รอต้อนรับอยู่ ดูหนังใหม่ 2024 เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ได้ฟรีที่นี่

หลังจากร่างมนุษย์ต่างดาวถูกขนย้ายมายังสถานี Thule เพื่อการศึกษาต่อ ความตื่นเต้นของทีมถูกแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว เมื่อสิ่งมีชีวิตต่างดาวหลุดออกจากก้อนน้ำแข็งระหว่างการเฉลิมฉลอง เจมสันเห็นเหตุการณ์ที่เอเลี่ยนหนีออกมา ทีมกระจายกำลังค้นหาและพบว่าสุนัขของลาร์สถูกฆ่าอย่างโหดร้าย เอเลี่ยนโจมตีเฮนริกและกลืนร่างของเขา ทำให้เลือดกระเด็นใส่โอลาฟ ในที่สุดทีมสามารถฆ่าเอเลี่ยนได้ด้วยการจุดไฟเผามัน ชันสูตรร่างเอเลี่ยนพบว่าเซลล์ของมันสามารถคัดลอกเซลล์มนุษย์ได้ โอลาฟที่สัมผัสเลือดของเอเลี่ยนเริ่มป่วย

ขณะเดียวกัน คาร์เตอร์, เจมสัน, และกริกก์สพยายามพาโอลาฟขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยังสถานพยาบาล แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายเมื่อกริกก์สกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดและโจมตีโอลาฟ ทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกในภูเขา ด้านเคทพบหลักฐานในห้องอาบน้ำเปื้อนเลือดที่มีฟันอุดอยู่ เธอจึงแจ้งทีมว่าเอเลี่ยนสามารถเลียนแบบมนุษย์ได้ และตอนนี้มันอาจซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มพวกเขา เอ็ดเวิร์ดพยายามให้ทีมออกเดินทางไปฐานที่ใกล้ที่สุด แต่เคทและจูเลียตไม่เห็นด้วย เนื่องจากกลัวการแพร่กระจายของเอเลี่ยน

ระหว่างการหากุญแจรถ จูเลียตเผยตัวว่าเป็นเอเลี่ยนและพยายามฆ่าเคท แต่เคทหนีรอดมาได้ จูเลียต-ธิงฆ่าคาร์ลก่อนที่จะถูกลาร์สใช้เครื่องพ่นไฟสังหาร ทีมที่เหลือตัดสินใจว่าพวกเขาต้องกักตัวกันเองจนกว่าจะสามารถกำจัดภัยคุกคามทั้งหมดได้

คืนนั้น คาร์เตอร์และเจมสันกลับมาถึงสถานีอย่างอ่อนแรงหลังจากเฮลิคอปเตอร์ตก ทีมงานตัดสินใจกักตัวพวกเขาไว้ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจติดเชื้อเอเลี่ยน โดยอ้างอิงจากการสังเกตของเคทที่พบว่าเอเลี่ยนไม่สามารถเลียนแบบวัสดุอนินทรีย์ได้ เช่น เศษวัสดุอุดฟัน เคทเสนอวิธีทดสอบโดยตรวจสอบว่ามีเศษวัสดุอุดฟันหรือไม่ แต่การตรวจสอบเผยว่าผู้ที่ไม่มีเศษวัสดุอุดฟันโลหะคือ แซนเดอร์, เอ็ดเวิร์ด, อดัม และโคลิน ทำให้พวกเขาถูกสงสัยว่าอาจติดเชื้อ

ขณะลาร์สไปรับคาร์เตอร์และเจมสันเพื่อทดสอบ เขาถูกจับตัวไป คาร์เตอร์และเจมสันจึงบุกเข้ามาในอาคารหลัก พวกเขายิงพีเดอร์จนเสียชีวิต และเหตุการณ์ทำให้ถังพ่นไฟระเบิด ส่งผลให้เอ็ดเวิร์ดหมดสติไป เมื่อถูกนำตัวมาที่ห้องหลัก เอ็ดเวิร์ดแสดงตัวว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเอเลี่ยน เขากลายร่างและแพร่เชื้อให้โจนัส ฆ่าเจมสัน และกลืนอดัมจนแปรสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตสองหัว เคทจุดไฟเผาโจนัสและเจมสันก่อนที่พวกเขาจะแปลงร่างอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเธอและคาร์เตอร์ก็เผาอดัม-ธิงก่อนออกตามล่าแซนเดอร์ซึ่งถูกกลืนร่างเช่นกัน

แซนเดอร์-ธิงใช้รถลากหิมะเดินทางไปยังยานอวกาศซึ่งเริ่มทำงาน เคทและคาร์เตอร์ถูกแยกออกจากกัน เคทเผชิญหน้ากับแซนเดอร์-ธิงตัวมหึมาและสังหารมันด้วยระเบิดมือ ทำให้เครื่องยนต์ของยานดับสนิท หลังจากนั้น เคทพบคาร์เตอร์ แต่สังเกตเห็นว่าต่างหูข้างซ้ายของเขาหายไป ซึ่งทำให้เธอสงสัยว่าเขาถูกเลียนแบบ เคทจึงตัดสินใจเผาคาร์เตอร์เพื่อป้องกันการหลบหนีของเอเลี่ยน จากนั้นเธอขึ้นรถลากหิมะคันที่สอง และหายไปในสายลมหนาวโดยทิ้งความว่างเปล่าในดวงตาไว้เบื้องหลัง

เช้าวันรุ่งขึ้น เฮลิคอปเตอร์ของสถานี Thule กลับมาถึงสถานีที่ถูกทำลายยับเยิน นักบินมาติอัสพบซากของสิ่งมีชีวิตสองหัว (อดัม-ธิง) ที่ถูกเผา และร่างของโคลินในห้องสื่อสารวิทยุ โดยที่คอของเขาถูกเชือดและมีมีดโกนอยู่ในมือ ลาร์ส ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในอาคาร บังคับให้มาติอัสแสดงฟันด้วยปืนเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ติดเชื้อ ทันใดนั้น สุนัขของลาร์ส ซึ่งเชื่อว่าตายไปแล้ว ปรากฏตัวและวิ่งหนีไป ลาร์สรีบสั่งให้มาติอัสไล่ตามด้วยเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์เปิดของภาพยนตร์ The Thing ในปี 1982
 

ความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์ : 


หลังจากได้ชมภาพยนตร์ The Thing ความรู้สึกหลากหลายได้ถาโถมเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ทั้งความตื่นเต้น ความระทึกขวัญ และความสงสัยที่ถูกสานต่อจากฉากหนึ่งสู่อีกฉากหนึ่ง ตัวภาพยนตร์เต็มไปด้วยความกดดันที่ทำให้ผู้ชมต้องจับตามองทุกเหตุการณ์อย่างไม่สามารถละสายตาได้ มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์สยองขวัญธรรมดา แต่ยังแฝงไปด้วยคำถามทางจิตวิทยาและความขัดแย้งในจิตใจของตัวละครที่ชัดเจน เมื่อเอเลี่ยนสามารถเลียนแบบมนุษย์ได้อย่างแนบเนียน มันไม่ได้เพียงแต่สร้างความกลัวจากการถูกทำร้าย แต่ยังทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างกันในหมู่ตัวละคร ซึ่งสะท้อนถึงความอ่อนแอของมนุษย์เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้

ความโดดเด่นของ The Thing อยู่ที่การสร้างบรรยากาศที่หนาวเหน็บและอ้างว้างของแอนตาร์กติกา ผสมผสานกับดนตรีประกอบที่สร้างความตึงเครียดในทุกจังหวะ ภาพยนตร์สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของความโดดเดี่ยวและการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดได้อย่างสมจริง มันทำให้เราเฝ้าสงสัยว่าถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน เราจะเลือกทำอย่างไร จะเชื่อใจใคร หรือแม้แต่จะเชื่อใจตัวเองได้หรือไม่

ความรู้สึกที่โดดเด่นหลังชมภาพยนตร์คือความหดหู่และทิ้งคำถามไว้ในใจ เอเลี่ยนไม่ได้ถูกพรรณนาให้เป็นเพียงผู้ร้าย แต่ถูกนำเสนอให้เห็นว่ามันทำเพียงเพื่อเอาชีวิตรอด การที่มนุษย์และเอเลี่ยนต้องต่อสู้กันจึงเป็นเหมือนการสะท้อนการเอาตัวรอดในธรรมชาติที่โหดร้าย ซึ่งทั้งน่ากลัวและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน ตอนจบของภาพยนตร์ไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัด แต่กลับทิ้งไว้ด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและความหวาดระแวงว่ามันอาจจะยังไม่จบ นี่คือสิ่งที่ทำให้ The Thing เป็นภาพยนตร์ที่ติดอยู่ในความทรงจำ

เมื่อมองย้อนกลับไป ภาพยนตร์ไม่เพียงแต่นำเสนอความสยองขวัญจากสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่ยังตั้งคำถามต่อความสัมพันธ์ของมนุษย์ ความเชื่อใจ และความเปราะบางของจิตใจในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินและจดจำภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไม่รู้ลืม ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com ภาพคมชัด ไม่มีโฆษณาคั่น รับชมหนังฟรี ตลอด 24 ชม.

#TheThing  #แหวกมฤตยูอสูรใต้โลก  #ดูหนังใหม่2024  #mvhd24  #รีวิวหนัง  #MovieReview  #MovieSpoilers


 


กลับด้านบน

Report this page